พิโค่โทนิ่งใช้คลื่นความยาว 755nm ซึ่งสามารถเจาะลึกได้ทั้งชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ลึกๆ ได้ดีกว่าการทำโทนิ่งทั่วไปที่ใช้คลื่นความยาว 1064nm จึงมีประสิทธิภาพในการทำลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างจำเพาะเจาะจง

• ลดจำนวนครั้งของการทำ • ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ • เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

• ยิงเลเซอร์ลงบนบริเวณที่ทำ • เม็ดสีจะถูกทำลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างละเอียด • ขจัดเม็ดสีออกโดยกระตุ้นผิวน้อยที่สุด

Q.ความแตกต่างระหว่างเลเซอร์โทนิ่งกับพิโค่โทนิ่งคืออะไร? A.พิโคโทนิ่งเป็นเครื่องเลเซอร์ที่ยิงแสงด้วยความเร็วระดับพิโค่วินาที ซึ่งเร็วกว่าเลเซอร์โทนิ่งแบบเดิม (ระดับนาโนวินาที) ถึง 1,000 เท่า ด้วยความเร็วในการยิงแสงที่สูงนี้ จึงช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้างและลดความเจ็บปวดระหว่างการทำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ พิโค่โทนิ่งยังใช้คลื่นแสงที่ตอบสนองต่อเม็ดสีเมลานินได้ดีกว่า จึงสามารถรักษารอยดำและเม็ดสีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ด้วยข้อดีเหล่านี้ เมื่อเปรียบเทียบการทำพิโค่โทนิ่งและเลเซอร์โทนิ่งในจำนวนครั้งเท่ากัน พิโค่โทนิ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยลดการทำร้ายผิวให้น้อยที่สุด

• กังวลเรื่องฝ้าเข้มและรอยเม็ดสีบนผิว • ต้องการปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ • มีปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นของผิวโดยรวม • มองหาเลเซอร์ที่เจ็บน้อยและมีผลข้างเคียงต่ำ • ต้องการเห็นผลการรักษาอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนครั้งที่น้อย

• หลังทำควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม, เข้าโรงอาบน้ำ, ซาวน่า, จิมจิลบัง และการดื่มแอลกอฮอล์
• อาจมีรอยแดงจางๆ, อาการร้อนวูบวาบ แต่ไม่นานก็จะหายไป
• ในบางครั้งอาจเกิดการตกสะเก็ดแต่จะหลุดออกได้เองตามธรรมชาติ กรุณาระวังไม่ให้มือไปสัมผัสโดนสะเก็ดแผล
• หลังจากทำเลเซอร์ผิวอาจแห้งได้จึงควรทาครีมเพิ่มความชุ่มชื้น และทากันแดดเวลาที่ออกไปข้างนอก
• ในวันที่ทำสามารถแต่งหน้า, ล้างหน้าได้ แต่กรุณางดการทำหัตถการพิลลิ่งต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์สครับผิว
• งดใช้เครื่องสำอางที่สามารถแก้ไขริ้วรอย(มีส่วนผม Retinol)/ไวท์เทนนิ่งต่างๆ